Period: 27 Feb - 3 Mar, 2014
ฺBurj Al Arab, Dubai, UAE |
1. เป็นประเทศที่คนไทยยังไม่รู้จักดีเท่าไหร่นัก หากเทียบกับ เกาหลี ญี่ปุ่น
2. ด้วยอัตราค่าเงินที่แพงกว่า ข้อมูล คร่าวๆ ณ ช่วงที่ไป 1 AED = 9.38 THB
3. UAE ส่วนใหญ่นับถือศาสนา อิสลาม ดังนั้น เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจในการปรับตัว เช่นการแต่งกาย เราต้องแต่งแบบไหน เวลาอยู่ประเทศเขา อาหารการกิน เอาเป็นว่าคิดหนักพอสมควร
และ 4. ค่าที่พัก แพงมากๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าหากว่ามีโอกาสได้มาเยือนที่นี้ รับรองว่าคุ้มแน่ซะยิ่งก็แน่ค่ะ คนเขียนเองยังอยากกลับไปอีกเลย อิอิ
สำหรับนักช้อป ต้องบอกว่าห้ามพลาดที่จะต้องช้อปปิ้งก่อนกลับบ้าน เพราะที่นี้ TAX 0% ค่ะ
ไม่ว่าจะซื้อของ หรือ บริการ ทุกอย่างไม่มีภาษี และการใช้บัตรเครดิตก็ไม่มี charge เพิ่ม สำหรับคนที่นี้เขาสามารถใช้บัตรรูดซื้อของได้แบบไม่มีขั้นต่ำเหมือนบ้านเรา ถ้าคุณจะซื้อแค่ 5 หรือ 10 AED (DHS) คุณก็สามารถใช้บัตรเครดิต รูดได้เลย แต่หากคนไทยเราไปรูดที่นู้นก็ต้องสอบถามกับธนาคารเจ้าของบัตรเกี่ยวกับเงื่อนไขก่อนนะค่ะ เพราะบัตรบางธนาคารก็ไม่สามารถใช้ได้ ถึงแม่จะเป็นแบบ VISA or Mastercard ก็ตาม
เริ่มแรกก่อนเดินทาง
- จองเที่ยวบิน
ก่อนอื่นคุณต้องจองตั๋วก่อนนะค่ะ เลือกวัน เวลา ที่จะไป และกลับ, โดยสายการบิน ที่บินตรงไป Dubai ที่ไทยเราตอนนี้มีแค่ 2 สายการบิน คือ Emirate airline & Thai airways. ใช้เวลาบินก็ประมาณ 6.50 hr.
แต่ขอแนะนำว่าบินกับ Emirate ดีที่สุดค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นสายการบินระดับโลกแล้ว ทางสายการบินยังเป็น Sponcer ในการยื่นขอวีซ่าให้เราด้วย ซึ้งจะสะดวกกับเรามากๆๆ แต่สำหรับการบินไทย ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าเขาดำเนินเรื่องให้ด้วยเลยรึป่าว แต่!! ขอบอกไว้ก่อนนะค่ะ ว่าเราเดินดุ่มๆไปขอวีซ่าเองที่สถาณฑูต UAE เขาไม่ทำให้นะค่ะ การที่จะเข้าประเทศนี้ คุณต้องมี Sponcer ซึ้งก็คือสายการบินของ UAE หรือโรงแรมที่อยู่ใน UAE และหรือ คนที่รู้จักที่อาศัยอยู่ที่นู้น เป็นคนทำเรื่องให้เท่านั้นค่ะ
ง่ายที่สุดก็นี่แหละค่ะ จองตั๋วกับ Emirate แล้วเขาจะทำเรื่องขอวีซ่าให้เราเลย
- เตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอวีซ่า
1. Flight Booking no. หรือ เอกสารการจองตั๋วของ Emirate Airline
2. รูปถ่ายขนาด 1 หรือ 2 นิ้ว 1 ใบ (ใบหน้าตรง ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่น พื้นหลังรูปต้องเป็นสีขาว)
3. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน (แต่เท่าที่สอบถามกับเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าเด่วนี้ไม่ต้องใช้ก็ได้ค่ะ แต่อย่างว่าล่ะค่ะ ถ้าอยากมั่นใจว่ายื่นแล้วจะผ่าน เตรียมไว้ดีที่สุด)
4. หนังสือรับรองการทำงาน จากสถานที่ทำงาน (อันนี้ต้องใช้ตัวจริงนะค่ะ ห้ามใช้ตัว Copy)
5. Hotel Booking (สถานที่พักใน Dubai หากคุณไม่ได้พักที่โรงแรมหรือมีที่พักกับเพื่อนหรือคนรู้จักที่นู้นก็ให้เตียมข้อมูลไปด้วยนะค่ะ เพราะต้องใช้เหมือนกันเวลากรอกเอกสารยื่นขอวีซ่า)
6. สำเนาบัตรประชาชน
7. สำเนา Passport (ต้องเป็นแบบสีนะค่ะ ถ่ายเอกสารตรงข้อมูลของผู้ถือ Passport และถ้าหากคุณเคยเดินทางไปประเทศไหนมาแล้วบ้าง มีกี่แสตมป์ใน Passport คุณ ขอแนะนำว่าถ่ายไปด้วยเลยค่ะ เพราะเขาจะได้พิจารณาได้ง่ายว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวของจริงนะ ไม่ได้ไปแล้วไม่กลับ 555 )
8. สำเนาทะเบียนบ้าน
9. ค่าขอทำวีซ่า 3,860 บาท (ต้องเก็บใบเสร็จให้ดีนะค่ะ เพราะต้องใช้ตอนมารับวีซ่า)
** เอกสารทุกอย่าง เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ยกเว้น เอกสาร Passport และ หนังสือรับรองการทำงาน**
เมื่อเตรียมเสร็จแล้วขอแนะนำว่าไกล้วันก่อนเดินทาง ซัก 15 วันค่อยทำเรื่องยื่นขอวีซ่าค่ะ
โดยนำเอกสารทั้งหมด ไปที่ Emirate office @BB tower ชั้น 2 กทม.
โดยตึกออฟฟิสจะอยู่แถวอโศก ใกล้กับตึก Grammy หรือใครนึกไม่ออกก็ตึกเดียวกันกับที่เราใช้ไปสอบ TOEIC นั้นแหละ ค่ะ นั่งรถไฟฟ้า ไปลงสถานีอโศก จากนั้นเรียกบริการพี่วินมอไซ บอกว่า BB tower แค่นั้นแหละค่ะ ค่าวินก็ 15 บาท (แต่บางคันก็เก็บ 20 -*-!!)
หลังจากยื่นขอวีซ่า ปกติ 7 วันก็ผ่านแล้วค่ะสำหรับคนที่เอกสารข้างต้นครบ แต่ที่บอก 15 วันเพราะอยากให้เผื่อเวลาไว้ เผื่อทางสถานฑูตต้องการเอกสารเพิ่มเติมสำหรับคนเอกสารไม่ครบค่ะ
**เราสามารถ โทรสอบถามได้กับสายการบิน Emirate ค่ะว่า วีซ่าผ่านหรือยัง โดยใช้เลข Flight booking อ้างอิง ถ้าหากว่าผ่านแล้วก็ไปรับได้เลยค่ะ ของเราเอง ใช้เวลาแค่ 5 วันเองก็ได้แล้ว**
หน้าตาวีซ่าก็จะเป็นแบบนี้ เขาจะให้มาแบบ A4 เลย ตลกดีค่ะ เพราะมักไม่ค่อยเห็นแบบนี้
เพราะถ้าอย่างของ USA เขาก็จะเป็นแบบสติ๊กเกอร์ติดใน Passport ของเราเลย
เมื่อได้วีซ่าตัวจริงก็เก็บแนบบไว้กับ Passport รอไว้ยื่น Immigration ที่ปลายทางเลยจร้า...
ก่อนเดินทาง 30 วัน...หาแผนที่มากางเลยจ้ะ แพลนล่วงหน้าว่าอยากเที่ยวแบบไหน อิอิ.(ไม่ค่อยจะเห่อที่จะได้ไป) แค่เห็นแผนที่ก็ตื่นเต้นแล้วว
ที่ดูไบ มีสิ่งก่อสร้างอันอลังการ งานสร้างระดับโลก มากมาย มีแต่ Mega Project ทั้งนั้น การันตีด้วย Guinness Book of World Records ตั้งหลายสิ่งอย่างมากมาย ที่แน่ๆเท่าที่เห็นจากแผนที่ก็ 4 อย่างแล้ววว
Dubai map |
Dubai เมืองแห่ง ทราย, ทะเล และ แสงแดด (SEA, SAND and SUN)
หลายคนอาจเริ่มกับคำถามที่ว่า เที่ยวด้วยตัวเอง งบ เท่าไหร่ถึงจะพอสำหรับไปดูไบ ไปแล้วต้องไปที่ไหน เที่ยวอย่างไร เที่ยวแล้วจะคุ้มมั้ย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณแล้วล่ะ 555
แต่สำหรับผู้เขียน มีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันอยู่ที่นู้น เลยสะดวกหน่อย
แต่มีข้อมูลสำหรับคร่าวๆ สำหรับผู้ที่สนใจดังนี้
ค่าที่พัก ขึ้นอยู่ กับ ระดับดาว ดาวยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแพง
CITY MAX HOTEL: อยู่ที่คืนล่ะประมาณ 500 DHS (ดีแรมห์)
ขอแนะนำว่า พักที่ SHAJJHA จะสะดวกสำหรับเดินทางมากๆ เพราะ โรงแรมติด THE MALL OF EMIRATE และ METRO สถานี THE MALL OF EMIRATE ,วิวโรงแรม สามารถมองเห็น โรงแรม Burj of Arab หรือโรงแรมเรือใบค่ะ
CITYMAX Hotel, SHAJJHA |
Day 1:
Dubai mall, Burj Kalifha, The Address
Fountain: น้ำพุประกอบเสียงดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก, อลังการที่สุด สวยมากค่ะ เขาจะทำการแสดง เริ่มตั้งแต่ 08.00 - 22.00 น. โดยจะแสดงทุกๆ 15 นาที และเวลาในการแสดงก็จะประมาณ 5-10 นาที แล้วแต่ความยาวของเนื้อเพลง บ้างก็เพลงช้า บ้างก็เพลงเร็ว สลับกันไป สวยมากๆค่ะ
ฺฺฺ
อันนี้ลองแบบ วีดีโอค่ะ เพื่อนบอกว่า ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี้เพิ่งเห็น การแสดงน้ำพุที่สูงและต่อเนื่องแบบนี้
ตรงนี้เป็นบริเวณหน้าน้ำพุค่ะ
Day 2:
Desert Safari
อันนี้เขากำลังปล่อย ลมยางออก ค่ะ เพื่อที่จะได้วิ่งในทะเลทรายได้
คนขับมืออาชีพมากๆๆ นั่งไปเสียวไป บางเนิน สูงมากๆๆ รถลงแต่ละทีหัวใจจะวายค่ะ
แต่สนุกมาก ประทับใจ
ฟ้าจรดทราย พระอาทิตย์ที่นี้จะใหญ่กว่าบ้านเรานิดนึง ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่จะเห็นขนาดความต่างได้ชัดเมื่อมาที่นี่
ทราย ทร๊าย ทราย และก็ ทรายๆๆ ทรายเขาละเอียดมากๆๆๆนะค่ะ เท่าเม็ดฝุ่นบ้านเรา ไม่มีหินกรวดเล็กๆๆผสมด้วย ก็สวยอีกแบบ
HEENA PAINT |
โชว์ระบำ หน้าท้อง หรือ Belly Dance
Day 3:
Shaikh Zayed Masjid
Location: Abu Dhabi, UAE
เพื่อนบอกว่า ที่นี้ เป็นที่ กษัตริย์องค์ก่อนสร้างขึ้นเพื่อศูนย์รวมการเรียนรู้ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนที่นี้ อ่อ มาถึงตรงนี้ต้องบอกก่อนนะค่ะว่า Abu dhabi จะต่างจาก Dubai มากในการปกครอง Abu dhabi จะเน้นการเมืองการปกครองในเรื่องการศึกษาและวัฒนธรรม ส่วน Dubai จะเน้นการปกครองเมืองการปกครองไปทาง การลงทุน อสังหาริมทรัพย์ ต่างๆ ก็อย่างว่านะค่ะ เพราะ Dubai เขารู้ว่าน้ำมันประเทศเขาจะต้องหมดไป เร็วๆๆนี้ เขาจึงต้องสร้างสิ่งก่อสร้าง ให้คนมาเที่ยวเยอะ สร้างเมืองให้น่าอยู่ ให้คนมาอยู่ในระหว่างที่ยังมีเงินทำได้ และทุกวันนี้รายได้หลักเขาก็ไม่ใช่จากน้ำมันแล้วนะค่ะ แต่เป็นท่าเรือค่ะ Jebel Ali port ท่าเรือที่นี้ใหญ่มาก และเป็นท่าเรือสำคัญเชื่อมต่อ ระหว่างยุโรป และ ตะวันออกกลางค่ะ
พอ ชีค องค์ที่สร้าง วิหารนี้ขึ้นมา ว่ากันว่ารพะศพ ท่าน ถูกนำมาเก็บไว้ที่ด้านหลัง ของวิหาร และห้ามให้บุคคล ทั่วไปเข้า คนที่จะเข้าได้ ต้องเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาติจากชีค องค์ปัจจุบันเท่านั้น
แต่ก็แอบแว๊ปไปส่องๆดู นะค่ะ รปภ นี่เต็มไปหมดเลยค่ะ เลยไม่กล้าเสี่ยงต่อ....อิอิ
โคมไฟระย้าที่นี่อลังการงานสร้าง แสบสีสัน ลวดลาย มากค่ะ จากที่ข้างนอกร้อนๆๆ พอเขามาที่นี้เย็นสบายยิ่งกว่าเปิดแอร์ สังเกตุว่าตรงกลางระหว่างเสา 4 ต้น จะมีใบพัดลม สำหรับปรับอากาศ เพื่อให้อากาศข้างในเย็นสบายและถ่ายเท ด้วยค่ะ ทีแรกก็ งง ว่าเขาติดไว้ทำไม เพราะทั้งอาคารก็เป็นหินอ่อน เย็นสบาย ไม่น่าจะต้องใช้ ถามเพื่อนว่า มันหมุนเองใช่มั้ย ไม่ได้ใช้ไฟฟ้า ฮีก็ตอบว่า ใช่ งานนี้ไม่รู้ว่าฮีตอบกวน หรือเรื่องจริง ถ้าใครรู้ก็อัพเดทให้ด้วยนะค่ะ
ภายนอกอาคาร พื้นหินอ่อนที่ว่าเย็น ยังต้องเขย่งเท้าไม่ทัน เพราะความร้อน
สถานที่จริง สวยและใหญ่กว่านี้มากๆค่ะ แต่เผอิญ คนถ่ายไม่มีความรู้เรื่องกล้อง และรูปเลยได้เท่านี้
แต่พอไปหาข้อมูล ประวัติ และรูปภาพ จากเว็ปอื่นดู เขาถ่ายสวยมากจริงๆๆค่ะ
ประวัติของที่นี้ สามารถดูได้ตามลิงค์ข้างล่างเลยจ้ะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Sheikh_Zayed_Mosque
Day 4:
Miracle garden
โลกแห่งดอกไม้
เวลาเราจะถ่ายรูปกับดอกไม้ ก็ต้องระวังนิดนึงนะค่ะ เพราะ เจ้าหน้าที่เขาไม่อยากให้เราโดน ดอกไม้ของเขา ก็เนอะ กว่าเขาจะปลูกได้ หากเราเข้าใกล้เกินไป ก็จะมีเสียงนกวีด ปรี๊ดๆๆ เป็นสัญญาณเตือนว่า ขอให้ถอยออกมาหน่อย ห้ามใกล้ดอกไม้นะยู...อิอิ
ส่วนใหญ่ดอกไม้ที่นี้ก็จะเป็นพันธุ์นี้หมด ก็แอบเซงหน่อยๆเหมือนกัน นึกว่าจะได้ดูดอกไม้หลายหลากสายพันธ์เหมือนบ้านเราซะอีก แต่อย่างว่าค่ะ ต้องชมการจัดสวน และการเต็มที่กับการดูแล
นับถือมากค่ะ จัดแบบต่างๆๆ สวยดี
ค่าเข้าชมที่นี้ไม่แพงค่ะ เพียงแค่ 30 AED ต่อคนเท่านั้นเอง คุณจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ ทั้งวันก็ได้ ก็จ่ายแค่ 30 AED เวลาเปิดไม่แน่ใจนะค่ะว่า 08.00-16.00 น. หรือป่าว แต่เด่วขอไปดูข้อมูลในบัตรเข้าชม แล้วจะคอนเฟริมอีกที แต่ถ้าคุณนั่ง Taxi มา และมาช่วงเช้า ขอบอกก่อนนะค่ะว่า Taxi จะพยายามโน้มน้าวให้เราไปทีอื่นก่อน เพราะว่าเขาอยากให้เราไปไกลๆ จะได้ตังค์เยอะๆ เพราะถ้าหาก มาที่นี้ตอนเช้า พอมาส่งเรา ขากลับเขาจะไม่มีคนนั่งกลับค่ะ (เพราะคนอื่นเขายังไม่มากัน) ต้องตีรถเปล่าไป 1 เที่ยว ซึ้งมันไม่ค่อยคุ้มเขาซักเท่าไหร่ เราต้องบอกเขาว่าเราจะมาที่นี้ไม่ว่าจะเช้ายังไงก็ตาม อิอิ
ลานดอกไม้สนามที่ 2
มีจัดทรงรูปตึก Burj Kalifha
ตรงนี้เป็น Highlight ของที่นี้ค่ะ ไม่ถ่ายไม่ได้เลย เด่วจะหาว่ามาไม่ถึง อิอิ
บ้านเขาเอา เบนซ์ มาทำเป็นกระถางดอกไม้คร้า ไม่เท่านั้นยังมี Audi ด้วยเอ้าา
อย่างว่าเนอะ เมืองคนรวย ทำอะไรก็ไม่ซีเรียส เฮ้ออ...
อันนี้เป็นสนาม แรกนะค่ะ ทำเป็นรูป ผีเสือ
รถจริงๆๆ ใช้งานได้จริง ส่องข้างใน ยังมีอุปกรณ์ครบ ทั้งเกียร์ พวงมาลัย, เสียดายน้อง Audi
ลานดอกไม้สนามที่ 3
สนามสุดท้าย สนามที่ 3 ค่ะ
ที่นี้สร้างให้สมกับคำว่าโลกของดอกไม้จริงๆๆค่ะ เพราะไม่เพียงแต่จะมีดอกไม้หลายสีสรร ให้ชมจนเพลินตาแล้ว สิ่งก่อสร้างต่าง ที่ เป็นพื้นที่รอบๆ เขาก็จะพยายามสร้างให้มัน เข้ากัน ให้บรรยากาศกลมกลืนกัน ถ้าคุณได้หลุดเข้าไป บางทีก็อาจจะรุ้สึกได้เลยว่า คุณหลุดมาที่โลกๆๆนึงเลยทีเดียว สำหรับคนเขียนเอง พอเดินๆๆไปเพลินๆ รู้สึกเหมือน ในหนัง Alice in wonderland อะไรแบบนั้นเลยทีเดียว (ฟินจริงๆนะ)
Day 5:
Dubai Museum and Local Market
วันสุดท้ายของทริปแล้วว เวลาช่างผ่านไปเร็ว วันสุดท้ายแบบนี้ กก็ต้องตะเวนหาซื้อของฝากกันหน่อยล่ะ แต่ว่าก่อนอื่น ใกล้ๆมี Museum ขอแวะไปหาความรู้ซักหน่อยแล้วกัน
กาน้ำชา แบบ อาราเบียน อาราเบียน
ภายในบ้านของคนสมัยก่อน
และ ปี 1960 เริมค้นพบ แหล่งน้ำมัน หลังจากค้นพบแหล่งน้ำมัน Dubai ก็เจริญเติบโต กลายเป็นเมืองที่พัฒนาแล้ว อย่างทุกวันนี้
เก๋ ตรงที่จำลอง การงอหอยมุก เหมือนเราอยู่ใต้ทะเลเลยค่ะ
อันนี้คือประมาณว่าใต้ท้องเรือชาวประมง (เข้าใจทำดีแหะ)
ยังมีอย่างอื่นให้ได้ศึกษากันค่ะ แต่ด้วยเวลาไม่มีแล้ว เลยได้แต่ชม ไม่ค่อยมีเวลาได้อ่านความเป็นมา
แต่ขอสรุปโดยภาพรวมว่า ที่นี้ค่อนข้างจะเล็กก็จริง แต่ถ้าดูการจัดวางต่ำแหน่ง ถือว่าดีมากค่ะ เข้ามา ไม่มีเบื่อเลย ของโบราณส่วนใหญ่ ก็จะเป็นเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตทางทะเล ทั้งสิ้น หากคนที่ชอบอะไรหลากหลาย ก็อาจเบื่อๆหน่อย
Local Market ที่นี้จะขายของกระจุก กระจิก ของฝากต่างๆ ของ Dubai ที่ราคาถูกมากๆ เหมาะสำหรับซื้อของฝากเพื่อนที่เมืองไทย ของทุกอย่างที่ร้านนี้ จะไม่เกิน 10 AED เพื่อนบอกว่า คนส่วนใหญ่จะเรียกร้านแบบนี้ว่า 1-10 AED เลือกช้อปปิ้งกันตามอัธยาศัยของสตางค์ กันได้เลย
นอกจากจะถูกแล้ว ของทุกชิ้นคุณภาพก็ดี อย่างของบางชิ้น ถ้าเจอที่ Dubai mall อาจจะ 25 AED แต่ที่นี้ แค่ 5 AED ทั้งๆที่ของแบบเดียวกัน
Day 5: Souk Market & Jumairah Beach
ชายหาดที่เป็นที่ตั้งของ โรงแรม 7 ดาว แห่งเดียวในโลก โรงแรมที่แพงที่สุดในโลก...นั่งชมพระอาทิตย์ตก มองทะเลอาระเบียน อู้ยย ฟินฝุดๆๆไปเลย
มาทั้งทีก็ขอมาถ่ายรูปกะ แลนด์มาร์คเค้าหน่อยเถอะ อิอิ ^^
Souk market ค่ะ เคยดูหนัง Prince of Arabian มั้ย นั่นล่ะ ที่เห็นเป็นไม้ๆๆยื่นออกมา นึกถึงภาพตอนที่เจ้าชายหนีออกจากปราสาทออกเลย โหนตัวไปโหนตัวมา ตามไม้ที่ยื่นออกมาตามตัวอาคาร พอมาเห็นของจริง อร๊ายยยยย่ะ ไม่รู้จะอธิบายังไง ^^
ว่ากันว่า เป็นมุมที่จะเห็น โรงแรมเรือใบ มุมสวยที่สุดค่ะ
เคยได้ยินโปรเจ็คที่เขานำทรายมาถมทะเล แล้วสร้างเป็นเกาะต้นปล์ามไหมค่ะ ที่นี่มีจริงๆๆค่ะ แถมมีโรงแรม ATLANTIS ที่สวยและเป็น แลนด์มารค์อีกด้วย ชมจากรูปด้านล่างได้เลย...
DUBAI MALL ขอแชะรูปกับ Aquarium ที่มีกระจก อคิลิค ที่ยาวที่สุดในโลกคร้าาาา ^^
****สุดท้ายนี้ หากผิดพลาด ประการใดก็ขออภัยมา ณที่นี้ นะค่ะ ***
ขอบคุณที่ติดตาม ทริปจนจบค่ะ ^^
Review เป็นประโยชน์มากๆค่ะ น่าเที่ยวมากๆ ^^
ตอบลบขอบคุณจร้าาาา ^^
ลบขออนุญาตเจ้าของblog นะคะ
ตอบลบรับทำ #วีซ่าดูไบ
โดยทีมงานมืออาชีพ มีประสบการณ์ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
ให้คำแนะนำ รวดเร็ว ครบถ้วน ทุกๆรายละเอียด บริการจริงใจ
100% ลูกค้าพึ่งพอใจ
ยื่นง่าย รวดเร็ว เพียง 5 วันทำการ
สะดวกไม่ต้องเดินทางมายื่นเอง
เพียงสแกนเอกสารส่งทางอีเมลล์
เดินทางกับสายการบินไหนก็ยื่นได้
#วีซ่าดูไบ
Line id :alisratravel
Tel:085-6189009
สวยมากๆ เลยค่ะ
ตอบลบสุดยอดเลยคะ ^_^
ตอบลบกำลังจะไปเที่ยวดูไปค่ะแต่ไม่มีเงินฝากประจำค่ะจะเป็นแค่บัญชีหมุนเวียนจะไปได้ไหมคะ id.line gib2514 รบกวนให้รายละเอียดด้วยค่ะ ขอบคณมากค่ะ
ตอบลบไม่จำเป็นคร้า ถ้าตอนขอวีซ่าเขาไม่ขอก็ไม่จำเป็นเลยค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบได้ข้อมูลดีๆเพียบเลยค่ะ
ตอบลบสวัสดีค่ะ มีแพลนจะไปดูไบสิ้นเดือนมีนาคมค่ะ อยากสอบถามเรื่องค่าใช้จ่าย ในการไปเที่ยว 5 วัน 4 คืนค่ะ
ตอบลบรบกวนด้วยค่ะ
เรากำลังไปอยู่ที่ดูไบแบบถาวรกับสามี ออกเดินทางวันที่ 7 ม.ค.62 ตื่นเต้นมาก ศึกษาข้อมูลเพราะสามีรอรับที่ สนามบินนั่งเครื่องไปคนเดียวอยากทราบข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงออกสนามบินต้องทำอะไรตรงไหนบ้างตื่นเต้นเพราะเราต้องไม่เคยไปดูไบ
ตอบลบ